สนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก

โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก
เกิดขึ้นจากการที่รัฐบาลมีนโยบายที่จะผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมการบินในภูมิภาค
ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาประเทศตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ
โดยเฉพาะด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน รวมถึงแผนอื่น ๆ ได้แก่ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12
ยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมไทย 4.0 ระยะ 20 ปี
ของกระทรวงอุตสาหกรรม แผนงานพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติ แผนยุทธศาสตร์ของกระทรวงคมนาคม และแผนพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา

สนามบินอู่ตะเภาในปัจจุบัน

ที่ตั้งโครงการ :

ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลพลา อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง

รายละเอียดท่าอากาศยาน :

มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 16,700 ไร่ มีทางวิ่ง 1 ทางวิ่ง ความยาวประมาณ 3,500 เมตร โดยทางฝั่งตะวันตกของทางวิ่งที่ 1 นี้ เป็นพื้นที่ปฏิบัติการของกองทัพเรือ (ทร.)

อาคารผู้โดยสาร :

ปัจจุบันสนามบินอู่ตะเภา มีการเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ โดยมีอาคารผู้โดยสารหลังที่ 1 และอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ซึ่งสามารถรองรับผู้โดยสารได้ รวม 3.7 ล้านคนต่อปี

การเห็นชอบให้โครงการ
เป็น EEC Project List

เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2560 คณะกรรมการนโยบาย
เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ได้มีมติเห็นชอบ
ให้โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก
เป็นโครงการ EEC Project List และดำเนินการตามประกาศ
คณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ
ภาคตะวันออก เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข
และกระบวนการในการร่วมลงทุน กับเอกชนหรือให้เอกชน
เป็นผู้ลงทุน พ.ศ. 2560 และแก้ไขเพิ่มเติม โดยเมื่อวันที่
23 กุมภาพันธ์ 2561 ได้มีประกาศคณะกรรมการ
นโยบายฯ เรื่องกำหนดเขตส่งเสริม: เมืองการบินภาคตะวันออก
ออกประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อกำหนดให้พื้นที่ 6,500 ไร่
บริเวณสนามบินอู่ตะเภาจังหวัดระยอง เป็น “เขตส่งเสริม:
เมืองการบินภาคตะวันออก” (เขตส่งเสริมเมืองการบินฯ)
เพื่อรองรับอุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์
พื้นที่เขตส่งเสริมเมืองการบินฯ ดังกล่าว จึงเป็นที่ตั้ง
ของโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาฯ
โดยแบ่งพื้นที่เป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ

1 พื้นที่ที่รับผิดชอบโดยภาคเอกชน
2 พื้นที่ที่รับผิดชอบโดยภาครัฐ
3 พื้นที่เขตปลอดภัยสนามบินและใช้งานความมั่นคง

ลำดับการพัฒนาโครงการ

2560

ประกาศให้พื้นที่ 6,500 ไร่ บริเวณสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาเป็นเขตส่งเสริม: เมืองการบินภาคตะวันออก และบรรจุโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก เป็นหนึ่งในโครงการภายใต้ EEC Project List

2563

ลงนามสัญญาร่วมลงทุนโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ระหว่าง สกพอ. กับ บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด

2564

UTA นำส่งแผนแม่บทการพัฒนาสนามบินฉบับสมบูรณ์ ให้สำนักงานการบินพลเรือน (กพท.) พิจารณาและ กพท. ได้มีการพิจารณาเห็นชอบรายละเอียดแผนแม่บทดังกล่าว

2565

- คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล) เห็นชอบรายงานด้านสิ่งแวดล้อมฯ (EHIA) โครงการก่อสร้างทางวิ่งและทางขับที่ 2 สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา
- ครม. อนุมัติการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 เชื่อมเข้าสนามบิน
- สกพอ. แจ้งเริ่มให้สิทธิร่วมลงทุนแก่ UTA

2566

- ครม. อนุมัติให้ บวท. ดำเนินโครงการเตรียมความพร้อมให้บริการเดินอากาศสนามบินอู่ตะเภา
- ทร. ออกประกาศเชิญชวนก่อสร้างทางวิ่งและทางขับที่ 2 สนามบินนานาชาติอู่ตะเภาและที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้าง

2567

สกพอ. ส่งมอบพื้นที่โครงการฯ ให้เอกชนร่วมลงทุน

2568

- สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ได้ลงนามในสัญญาเงินกู้กับธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย (AIIB) และ ทร. ได้ลงนามสัญญาผู้รับจ้างก่อสร้าง และที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้างทางวิ่งและทางขับที่ 2 สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา
- ราชกิจจานุเบกษาประกาศ กพอ. เรื่องการขยายเขตส่งเสริม : เมืองการบินภาคตะวันออก EECa เพิ่มเติม พื้นที่ประมาณ 714 ไร่

หลักการโครงการ

คณะกรรมการนโยบายฯ ในคราวประชุมเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2561
มีมติเห็นชอบหลักการโครงการฯ และให้ ทร. และ สกพอ.
เป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบในการดำเนินโครงการฯ และต่อมา
คณะรัฐมนตรีในคราวประชุมเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2561 ได้มีมติ
อนุมัติโครงการฯ ตามมติคณะกรรมการนโยบายฯ

(1) เพื่อให้หน่วยงานของรัฐและเอกชนร่วมกันใช้ แหล่งเงินทุน ความรู้ความสามารถและความเชี่ยวชาญ มาดำเนินงาน การออกแบบและก่อสร้าง การให้บริการและ
การบำรุงรักษาโครงการฯ ในการยกระดับสนามบิน อู่ตะเภาให้เป็นสนามบินระดับโลก ซึ่งมีมาตรฐานระดับสูง
ในด้านความปลอดภัย ความมั่นคง การให้บริการ
ผู้โดยสาร และด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัย
(2) เพื่อให้สนามบินอู่ตะเภารองรับการพัฒนาพื้นที่
ภายในพื้นที่ EEC ให้เป็นเมืองการบินภาคตะวันออก
(Eastern Airport City) ของประเทศไทย และพัฒนาให้
ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) ในระดับภูมิภาค
(3) เพื่อพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นสนามบิน
นานาชาติ และรองรับการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรม
การบินของประเทศ
(4) เพื่อให้มีการถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีที่ทันสมัย
ในด้านการพัฒนาสนามบินระดับโลก มายังหน่วยงาน
ของรัฐ บุคลากรทั้งภาครัฐและเอกชนไทยอย่างมี
ประสิทธิภาพ

โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบิน ภาคตะวันออกมีเป้าหมายเพื่อเป็นสนามบินนานาชาติ ระดับ
โลก ที่มารองรับการขยายตัวของผู้โดยสาร การขนส่ง
สินค้า และเที่ยวบินที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมากจากการ
ขยายตัวทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้น จากการดำเนิน
โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก จึงเป็นโครงการ
ที่ช่วยให้ประเทศมีการพัฒนาได้อย่างยั่งยืนทั้งทางด้าน
เศรษฐกิจและสังคม นำไปสู่การเป็นจุดศูนย์กลางของ
ภูมิภาค เป็นประตูการค้าและศูนย์กลางการคมนาคม
ขนส่งระดับภูมิภาค มีเป้าหมายในการเพิ่มขีด
ความสามารถในการรองรับผู้โดยสาร เพื่อสร้างโอกาส ในการลงทุนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยมีการกำหนด
เป้าหมายในการรองรับผู้โดยสารสูงสูดอยู่ที่ 60 ล้านคน/ปี

รายละเอียดโครงการ

สกพอ. และ บริษัทเอกชนร่วมลงทุน บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด หรือ UTA ได้ลงนามสัญญาร่วมลงทุนโครงการฯ เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2563โดยมีรายละเอียดการลงทุนในโครงการแบ่งตามหน้าที่ของคู่สัญญาแต่ละฝ่าย และข้อมูลที่สำคัญ ดังนี้

ลงนามสัญญาร่วมลงทุน :

19 มิถุนายน 2563

เอกชนร่วมลงทุนในโครงการฯ :

บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด (UTA) (https://uta.co.th/)

ขนาดพื้นที่โครงการ :

7,214 ไร่

ระยะเวลาร่วมทุน :

50 ปี

รองรับผู้โดยสารสูงสุด :

60 ล้านคนต่อปี (MAP)

เงินลงทุนโครงการ :

217,949 ล้านบาท
(รัฐ 24,697 ล้านบาท, เอกชน 193,252 ล้านบาท)

ผลตอบแทนภาครัฐ (Present Value) :

305,555 ล้านบาท (EIRR 30.1%)

สกพอ. เป็นคู่สัญญาภาครัฐกับเอกชน (UTA)

ความคืบหน้าและสถานะการดำเนินโครงการ

ความคืบหน้าและสถานะการดำเนินโครงการ

ผู้รับผิดชอบ : กองทัพเรือ (ทร.) 

ความก้าวหน้า : อยู่ระหว่างรอการแจ้งเริ่มงาน

ผู้รับผิดชอบ : สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) และ ทร. 

ความก้าวหน้า : อยู่ระหว่างการดำเนินการ

ผู้รับผิดชอบ : ทร. 

ความก้าวหน้า : เตรียมการก่อสร้าง

ผู้รับผิดชอบ : บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) 

ความก้าวหน้า : เตรียมการก่อสร้าง

ผู้รับผิดชอบ : กรมทางหลวง (ทล.)

ความก้าวหน้า : ลงนามสัญญาผู้รับเหมาแล้ว เมื่อ 6 ต.ค. 68

ผู้รับผิดชอบ : สกพอ. และ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) (EW)

ความก้าวหน้า : อยู่ระหว่างก่อสร้าง

ผู้รับผิดชอบ : สกพอ. และ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) (B.Grimm)

ความก้าวหน้า : อยู่ระหว่างก่อสร้าง

ผู้รับผิดชอบ : สกพอ. และ บริษัท โกลเบิลแอโร่แอสโซซิเอทส์ จํากัด (GAA) 

ความก้าวหน้า : อยู่ระหว่างก่อสร้าง

ผู้รับผิดชอบ : สกพอ. 

ความก้าวหน้า : อยู่ระหว่างการคัดเลือกผู้ดำเนินโครงการ

ผู้รับผิดชอบ : สถาบันการบินพลเรือน (สบพ.) 

ความก้าวหน้า : ทบทวนการศึกษาความเหมาะสม

การพัฒนาโครงการโดยภาคเอกชน

ผู้รับผิดชอบ : การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และ บริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด (Aera-1)

ความก้าวหน้า : อยู่ระหว่างรอการแจ้งเริ่มงาน

ผู้รับผิดชอบ : บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด (UTA)

ความก้าวหน้า : อยู่ระหว่างรอการแจ้งเริ่มงาน

ผู้รับผิดชอบ : UTA 

ความก้าวหน้า : อยู่ระหว่างรอการแจ้งเริ่มงาน

ผู้รับผิดชอบ : UTA 

ความก้าวหน้า : อยู่ระหว่างรอการแจ้งเริ่มงาน

ภาพรวมความคืบหน้า
0%

ผลตอบแทนทางด้านการเงิน
และเศรษฐกิจ

ผลตอบแทนต่อเอกชน

เอกชนร่วมลงทุนจะต้องจ่ายค่าเช่าพื้นที่โครงการบวกกับส่วนแบ่งรายได้
ให้ภาครัฐที่คำนวณจากร้อยละ 5 ของรายได้ของเอกชนคู่สัญญา
(ก่อนหักค่าใช้จ่าย) และรายได้ของผู้ได้รับสิทธิช่วง (ก่อนหักค่าใช้จ่าย)
ที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งมีจำนวนเงินขั้นต่ำรายปี ตามที่ระบุในสัญญาร่วมลงทุน
โดยรายได้ที่รัฐจะได้รับรวมตลอดอายุสัญญาร่วมทุน เมื่อคำนวณเป็น
มูลค่าปัจจุบัน (Present Value) ณ ปี 2561 ที่ใช้อัตราคิด
ลด ร้อยละ 3.76 จะเท่ากับ 305,555,184,968 บาท ซึ่งคำนวณจากมูลค่า
ที่เป็นตัวเงิน (Nominal Value) รวมเป็นเงิน 1,326,000,000,000 ล้านบาท

ผลประโยชน์ต่อประเทศ

สำหรับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจต่อประเทศ มีมูลค่าประมาณ 189,000 ล้านบาท
โดยไม่นับรวมการจ้างงานเพิ่มปีละประมาณ 15,640 ตำแหน่ง ตลอดระยะเวลาโครงการ
การถ่ายทอดเทคโนโลยีขั้นสูง และทรัพย์สินทั้งหมดตกเป็นของรัฐเมื่อสิ้นสุดโครงการ
โดยมีอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของโครงการ
(Economic Internal Rate of Return: EIRR) ร้อยละ 30.1

การดำเนินการ
ด้านสิ่งแวดล้อม

ตามที่กองทัพเรือและสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษ
ภาคตะวันออก มีความประสงค์จะดำเนินโครงการก่อสร้างทางวิ่ง และ
ทางขับที่ 2 ความยาวทางวิ่ง 3,505 เมตร เพื่อให้สนามบินนานาชาติ
อู่ตะเภาเป็นศูนย์กลางการบินที่สามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด
70 ล้านคนต่อปี ใน พ.ศ. 2591 โครงการเข้าข่ายตามประกาศกระทรวง
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ต้องจัดทำรายงาน การ
ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) โดยได้ดำเนินการ
จัดทำรายงานแล้วเสร็จ และได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ
สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565

Timeline โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก

ข้อมูล ณ เดือนตุลาคม 2568
ขนาดตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร