สกพอ. จับมือหน่วยงานพันธมิตร เปิดตัว ภาคีเครือข่ายชีววิทยาสังเคราะห์ประเทศไทย สร้างโอกาสใหม่ทางเศรษฐกิจ ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ความยั่งยืน

เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ร่วมงาน SynBio Forum 2025 เปิดตัว ภาคีเครือข่ายชีววิทยาสังเคราะห์ประเทศไทย (Thailand SynBio Consortium) อย่างเป็นทางการ ในฐานะสมาชิกภาคีเครือข่ายที่สำคัญในการสานพลังเดินหน้าสู่เป้าหมายการพัฒนาใหม่ ภายใต้แนวคิด “Greater Impact through Collaboration” เพื่อสร้างผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ผ่านการผนึกกำลังจากหน่วยงานด้านนโยบาย สถาบันวิจัย เอกชน และเยาวชนทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ โดยมีจุดประสงค์ในการผลักดันชีววิทยาสังเคราะห์ให้เป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคต ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม และความยั่งยืนของประเทศ

          ภายในงาน ได้รับเกียรติจากนายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวแสดงความยินดีต่อการลงนามความร่วมมือของภาคีเครือข่าย Thailand SynBio Consortium อย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นกลไกเชื่อมโยงมหาวิทยาลัย สถาบันวิจัย ภาครัฐ และภาคเอกชน ภายใต้วิสัยทัศน์ “ชีววิทยาสังเคราะห์สร้างโอกาสใหม่ทางเศรษฐกิจ ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนบนพื้นฐานโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG)”  โดยย้ำถึง 3 นโยบายสำคัญของกระทรวง อว. คือ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรม การพัฒนากำลังคนคุณภาพสูง และการเติบโตสีเขียว ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนา SynBio ของไทย

นอกจากนี้ ภายในงาน SynBio Forum 2025 มีการจัดเวที “Business Matching for Global Solutions” นำเสนอธุรกิจและเทคโนโลยีด้านชีววิทยาสังเคราะห์จากนานาประเทศ เพื่อแสดงถึงศักยภาพของวิสาหกิจนวัตกรรม (Innovation Driven Enterprise) ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพ โดย ดร. ชลจิต วรวังโส วีรกุล ผู้ช่วยเลขาธิการ สกพอ. ได้กล่าวเปิด และบรรยายภาพรวมการพัฒนา และโอกาสการลงทุนในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับเศรษฐกิจ BCG ในพื้นที่ EEC พร้อมด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีจากบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีชีวภาพจากญี่ปุ่น และด้านการแพทย์จากฮ่องกง รวมถึง มีพื้นที่นำเสนอธุรกิจและเทคโนโลยีด้านชีววิทยาสังเคราะห์จากนานาประเทศ เพื่อส่งเสริมการเชื่อมโยงการวิจัยสู่ภาคอุตสาหกรรมและสร้างโอกาสความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างนักลงทุนไทยกับพันธมิตรต่างประเทศ โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานในและระหว่างประเทศกว่า 10 ราย อาทิ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (IEAT) เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (FTI) องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) องค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (HKTDC) สภาธุรกิจสิงคโปร์ (SBF) บริษัท Miibio, Inc. บริษัท Midori Climate Partner และบริษัท EDD Health (Thailand) โดยภายในงานผู้เข้าร่วมมากกว่า 200 คน