- หน้าแรก
- ทำงานและลงทุนในเขต EEC
- ทำไมต้องลงทุนในเขต EEC
ทำไมต้องลงทุนในเขต EEC
สกพอ. ทำอะไร
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กำหนดให้มี “ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี” เป็นยุทธศาสตร์ในการพัฒนาประเทศในระยะยาว
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับคุณภาพของประเทศในทุกภาคส่วน และพัฒนาประเทศไทยไปสู่การเป็นประเทศที่มีรายได้สูง
อยู่ในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว โดยมีเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เป็นพื้นที่เป้าหมายในการพัฒนาเศรษฐกิจ
ตามนโยบาย Thailand 4.0 จะช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ของภาคการผลิตและภาคบริการ บนฐานของเทคโนโลยีสมัยใหม่และนวัตกรรม
สกพอ. มุ่งเน้นการพัฒนาพื้นที่ 3 จังหวัดในภาคตะวันออก ได้แก่ ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา โดยมีแผนการพัฒนา EEC
ซึ่งเล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาพื้นที่ ทั้งทางกายภาพและทางสังคม เพื่อเป็นการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
EEC เน้นอุตสาหกรรมอะไร
EEC เน้นอุตสาหกรรม 5 คลัสเตอร์ ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ที่มีบทบาทสำคัญในการยกระดับโครงสร้างเศรษฐกิจไทย
การพัฒนาคลัสเตอร์เหล่านี้ช่วยสร้างนวัตกรรม เทคโนโลยีใหม่ และห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ที่แข็งแกร่ง
ลดการพึ่งพาการผลิตแบบดั้งเดิม ขณะเดียวกันยังดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ เสริมทักษะแรงงานไทย และสร้างงานคุณภาพสูง
เมื่ออุตสาหกรรมเหล่านี้เติบโตไปพร้อมกัน จึงเป็นฐานสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
EEC มีความพร้อมอะไร
ความพร้อมของประเทศไทย
- ขนาดเศรษฐกิจ อันดับ 2 ของอาเซียน
- ประชากร 66 ล้านคน
- GDP 530 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (17.95 ล้านล้านบาท)
- 17 เขตการค้าเสรี (FTA) และ 24 ประเทศคู่ค้า
เป็นส่วนหนึ่งของ RCEP (ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค :
Regional Comprehensive Economic Partnership) ซึ่งมี
- สัดส่วนของ GDP โลก 31.6 %
- ประชากร 2.3 พันล้านคน
เป็นส่วนหนึ่งของ IPEF (กรอบเศรษฐกิจเพื่อความเจริญรุ่งเรืองอินโด-แปซิฟิก :
Indo-Pacific Economic Framework for Prosperity) ซึ่งมี
- สัดส่วนของ GDP โลก 34.9 %
- ประชากร 2.6 พันล้านคน
ความพร้อมของพื้นที่ 3 จังหวัด
แนวโน้มเศรษฐกิจของพื้นที่ EEC
คาดว่าเติบโตในอัตราชะลอลงเล็กน้อย โดยปี 2568 ขยายตัวประมาณร้อยละ 2.6 ลดลง
จากปี 2567 (ประมาณ 2.7%) จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และผลกระทบของมาตรการภาษี
ตอบโต้ของสหรัฐอเมริกา ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง และการตัดสินใจในการลงทุนผลิตสินค้า
และบริการ และการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนจากต่างประเทศชะลอลง รวมถึงการลดการใช้จ่าย
เพื่อการอุปโภคบริโภคของภาคเอกชนอันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจ
และภาระหนี้สินของครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ทำให้กำลังซื้อของประชาชนลดลง
- ฉะเชิงเทรา
- พื้นที่ 5,351 ตร.กม.
- จำนวนประชากร 730,543 คน
-
GDP (ล้านบาท) 490,005
GDP ต่อหัว (บาท) 490,005
สัดส่วนของ GDP ประเทศไทย 1.1%
- ชลบุรี
- พื้นที่ 4,363 ตร.กม.
- จำนวนประชากร 1,642,016 คน
-
GDP (ล้านบาท) 1,188,192
GDP ต่อหัว (บาท) 592,335
สัดส่วนของ GDP ประเทศไทย 6.2%
- ระยอง
- พื้นที่ 3,552 ตร.กม.
- จำนวนประชากร 782,171 คน
-
GDP (ล้านบาท) 1,050,952
GDP ต่อหัว (บาท) 942,205
สัดส่วนของ GDP ประเทศไทย 5.9%
ความพร้อมในการพัฒนาระบบนิเวศสำหรับการลงทุน
Land
ทำเลที่ตั้งยุทธศาสตร์
เชื่อมโยงสู่ตลาดโลก
EEC ตั้งอยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกของไทย ครอบคลุม 3 จังหวัดหลัก
ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์
ที่สามารถเชื่อมต่อกับสนามบินนานาชาติ ท่าเรือน้ำลึก
และเส้นทางโลจิสติกส์ระดับภูมิภาคได้อย่างสะดวก
ทำให้เป็นประตูการค้าและการลงทุนสำคัญของเอเชีย
โดยจะมีพื้นที่ที่เป็นเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษของ สกพอ.
ทั้งหมดกว่า 46 แห่ง
Labor
แรงงานคุณภาพ
และการพัฒนาทุนมนุษย์
มีการพัฒนาทักษะบุคลากรในพื้นที่ EEC อย่างต่อเนื่อง
ผ่านความร่วมมือกับสถานศึกษา มหาวิทยาลัย และภาคเอกชน
เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง
Logistics and Infrastructure
โครงสร้างพื้นฐานทันสมัย
พร้อมรองรับอุตสาหกรรมอนาคต
พื้นที่ EEC ได้มีการวางแผนและลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่อย่างเป็นระบบ
เพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมายในอนาคต ประกอบด้วย
- รถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเกา) ที่จะช่วยเพิ่ม
ความสะดวกในการเดินทางและการขนส่งสินค้า - ทำเรือแหลมฉบังและท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการขนส่งทางเรือ และเสริมสร้างการเชื่อมโยงทางการค้าระหว่างประเทศให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
และมีประสิทธิภาพ - สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา ได้รับการพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางการบินและโลจิสติกส์
ระดับภูมิภาครองรับทั้งการเดินทางของผู้โดยสารและการขนส่งสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ - การเชื่อมต่อด้านการมนาคมภายในประเทศ พื้นที่ EEC มีโครงข่ายถนนที่ทันสมัย เช่น ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) และทางด่วนบูรพาวิถี ซึ่งเชื่อมกรุงเทพฯ
และพื้นที่สำคัญอื่ญอื่นอื่น ๆ เข้าสู่เขต EEC ได้อย่างรวดเร็ว - ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟฟ้า น้ำประปา
และระบบโทรคมนาคมที่ทันสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Cable Landing Station
ในพื้นที่ EEC ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อโครงข่ายอินเทอร์เน็ตใต้น้ำไปยังประเทศอื่น
ถือเป็นโครงสร้างสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ EEC เป็นศูนย์กลางดิจิทัลของภูมิภาค
โครงสร้างพื้นฐานที่ครบครันและทันสมัยนี้ ทำให้ EEC พร้อมรองรับการลงทุน
ในอุตสาหกรรมอนาคต และสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจไทยในระยาว
Law
ความพร้อมด้านฎหมาย
สกพอ. มีอำนาจในการอนุมัติและอนุญาต
ตามกฎหมายจำนวน 14 ฉบับ
ภายใต้มาตรา 37 และ มาตรา 43
แห่งพระราชบัญญัติ
พื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนในการเริ่มต้นต้นประกอบทิจการ
ได้อย่างครบถ้วน ถูกต้อง และรวดเร็ว โดย สกพอ. มีบริการ One Stop Service
เพื่อรองรับการดำเป็นการในทุกขั้นตอน ช่วยลดขึ้นตอนการประสามงาน
กับหลายหน่วยงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการแก่นักลงทุนอย่างครบวงจร
ความร่วมมือกับนักลงทุน
ติดตามข่าวสารความคืบหน้าในด้านความร่วมมือกับนักลงทุนและหน่วยงานจากต่างประเทศ
สกพอ. ร่วมมือ Sinoma เอกชนชั้นนำจากจีน ลงนาม LOI
พัฒนาพื้นที่เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ (SEPZ) ในพื้นที่ EEC
สกพอ. รับ เอกอัครราชทูตอังกฤษ เยือนพื้นที่ EEC
เพิ่มความมั่นใจพร้อมดึงนักลงทุนอังกฤษ เข้าพื้นที่อีอีซี
สกพอ. ร่วมหารือ JETRO หอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ
ส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจไทยและญี่ปุ่น
สกพอ. ร่วมประชุม บริษัท Herald Media Group
เตรียมส่งเสริมความร่วมมือการลงทุนไทย-เกาหลีใต้
คู่มือการลงทุน
ขนาดไฟล์
วัน เดือน ปี
หัวข้อ
ยอดวิว
พรีวิว
ดาวน์โหลด